ฟังรายการสถานีวิทยุศึกษา FM 92 MHz.



ครอบครัวข่าวสาร





มาร่วมคุยกันดีกว่า

๒๙/๒/๕๑

จะดีมั้ยเนี่ย? บุหรี่ไฟฟ้า


กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ กลายเป็นช่องทางให้บริษัทหัวใสผลิตบุหรี่ไฟฟ้าหรือซูเปอร์สโมเกอร์ (Super Smoker) ออกมาเอาใจสิงห์อมควัน เปิดตัวไปแล้วอย่างฮือฮาเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยการชูจุดขายโดนใจสิงห์อมควันชาวดัตช์ว่า "ทางเลือกในการสูบบุหรี่ที่ปลอดภัยกว่า"
สินค้าชุดแรก 2 แสนชิ้นขายเกลี้ยงในเดือนเดียว! เกิดเป็นแฟชั่น "บุหรี่เทียม" ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

จดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ ฉบับ "สร้างสุข" เดือนก.พ.ให้ข้อมูลว่า บุหรี่ไฟฟ้าตัวนี้ รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงและให้รสชาติเหมือนบุหรี่จริง โดยมีสารประกอบนิโคตินที่สามารถเลือกระดับความเข้มข้นได้ตามใจชอบ

ทั้งนี้ทั้งนั้น บริษัทผู้ผลิตยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้านี้ไม่มีส่วนประกอบใดๆ ที่เป็นยาสูบเลย จึงไม่ถือเป็นบุหรี่จริง และไม่ขัดต่อกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ แถมยังไม่มีการเผาไหม้ จึงไม่มีทาร์อย่างบุหรี่จริง
ที่สำคัญยังได้รับการทดสอบและได้รับการรับรองแล้วว่าไม่มีสารก่อมะเร็งเหมือนบุหรี่จริง ซึ่งตามข้อมูลบริษัทผู้ผลิตระบุว่ามีอยู่ประมาณ 40% หากเป็นการสูบบุหรี่จริงๆ ที่มีส่วนประกอบเป็นยาสูบและมีการเผาไหม้เกิดขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ผู้ผลิตอวดโอ่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายต่อคนรอบข้างของผู้สูบเพราะปราศจากซึ่งควันบุหรี่มือสอง

แม้จะมีกลิ่น แต่เป็นเพียงกลิ่นอโรม่า กลิ่นไม่ได้เกิดจากควันเหมือนบุหรี่จริง


ความพิเศษของเจ้าบุหรี่ไฟฟ้าอีกอย่างคือ เมื่อดูดครบ 15 ครั้ง ตัวเครื่องจะล็อกอัตโนมัติ 30 วินาที ผู้ผลิตบอกว่าเป็นระบบความปลอดภัยที่ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้สูดนิโคตินเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

จึงเกิดคำถามตามมาว่า สารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยแน่หรือ?


แม้ผู้ผลิตจะบอกว่าปริมาณต่ำกว่าที่มีอยู่ในบุหรี่แท้ๆ หลายเท่าตัวก็ตาม ประเด็นนี้ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ นอกจากคำรับรองจากบริษัทผู้ผลิตซึ่งอ้างจากผลการทดสอบความเป็นพิษในห้องปฏิบัติการของตัวเองเท่านั้น

สรุปว่า ยังไม่มีใครยืนยันเรื่องความปลอดภัยเช่นนี้แล้ว คำกล่าวซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักรณรงค์ด้านสุขภาพก็ยังคงจริงต่อไปคำกล่าวนั้นคือ "ศัพท์คำว่า "ปลอดภัย" นั้น เขาไม่ใช้ร่วมกับคำว่า "บุหรี่" ยกเว้นแต่ใช้เพื่อบอกว่าบุหรี่ที่ปลอดภัยไม่มีอยู่จริงหรืออาจจะมีก็เพียงบุหรี่ที่อันตรายน้อยกว่าเท่านั้นเอง"


ขอขอบคุณข่าวจาก

๒๕/๒/๕๑

29 มีนาคม นี้ กทม. - เมืองใหญ่ทั่วโลกดับไฟลดโลกร้อน


กรุงเทพมหานคร เชิญชวนประชาชนปิดไฟพร้อมเมืองใหญ่ทั่วโลก ประหยัดพลังงาน ลดภาวะโลกร้อน วันที่ 29 มีนาคม นี้ 1 ชั่วโมง เวลา 20.00-21.00 น. ณ เซ็นทรัลเวิลด์ และ 6 ถนนสายหลัก คาดลดการใช้พลังงาน 20-30% ประมาณ 1 ล้านกิโลวัตต์


มื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานกล่าวเปิดงาน สต็อป โกลบอล วอร์มมิ่ง "คูเปิล ไบค์" ที่สวนสันติชัยปราการ จัดโดยคลื่นวิทยุกรีนเวฟ 106.5 เมกะเฮิรตซ์ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาโลกร้อนถือเป็นปัญหาใหญ่ของทุกๆ ประเทศในโลก ขณะนี้จะเห็นว่าอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งเวลานี้ก็ยังมีฝนตก แม้จะไม่ใช่ฤดูฝนก็ตาม

ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ในส่วนของ กทม. ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว โดย
จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ชาว กทม.ร่วมกันมีส่วนร่วมในการลดปัญหาภาวะโลกร้อน ล่าสุด กทม.ร่วมกับเวิลด์ ไวลด์ไลฟ์ ฟันด์ (ดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ) และหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน และร่วมกับเมืองชั้นนำใหญ่ๆ 20 เมืองทั่วโลก จัดกิจกรรมเอิร์ธ เอาร์ ปิดไฟลดการใช้พลังงานเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ในวันที่ 29 มีนาคมนี้ ระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และถนนสายหลัก ได้แก่ ถนนสีลม ถนนเยาวราช ถนนรัชดาภิเษก ถนนข้าวสาร ถนนราชดำริ และถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จึงอยากเชิญชวนประชาชนหันมาให้ความสำคัญกับการลดใช้พลังงาน ใช้เท่าที่จำเป็น โดยขอความร่วมมือในการดับไฟดวงที่ไม่จำเป็นในอาคารที่อยู่ด้านข้าง ไม่รวมถึงไฟถนน ซึ่งจะไม่กระทบต่อการจราจร และร่วมกันลดปัญหาภาวะโลกร้อนด้วยวิธีที่ทุกคนสามารถทำได้

จากนั้นนายอภิรักษ์ได้ร่วมปั่นจักรยานรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ร่วมกับนางสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ผู้บริหารคลื่นกรีนเวฟ และเหล่าดีเจของคลื่น จากสวนสันติชัยปราการไปตามเส้นทางวัดบวรนิเวศวิหาร พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้า ภูเขาทอง ซึ่งมีการเดินขึ้นไปสักการะภูเขาทองด้วย จากนั้นวกกลับมาทางวัดโพธิ์ ผ่านพระบรมมหาราชวัง สนามหลวง และกลับมาที่สวนสันติชัยปราการ

นางบรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานภาค รัฐ-เอกชน 43 แห่ง เพื่อเตรียมการจัดกิจกรรมเอิร์ธ เอาร์ ปิดไฟลดการใช้พลังงาน ซึ่งมีขึ้นครั้งแรกที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2550 โดยจะมีการกิจกรรมอีกครั้งในวันที่ 29 มีนาคมนี้ และมีเมืองใหญ่ทั่วโลกกว่า 20 เมือง จะร่วมกันปิดไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักว่าการใช้ไฟฟ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อน เมืองที่เข้าร่วมปิดไฟครั้งนี้ เช่น นครโตรอนโต ประเทศแคนาดา นครซิดนีย์ และเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก นครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงเมืองใหญ่ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทวีปยุโรป และทวีปอเมริกาเหนือ อีกหลายเมือง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2550 กทม.จัดกิจกรรม "ปิดไฟ 15 นาที เพื่อกรุงเทพฯ ของเรา" รณรงค์ลดภาวะโลกร้อน มีการรณรงค์ให้ปิดไฟทั่วกรุงเทพฯ เวลา 19.00 น.เป็นเวลา 15 นาที ซึ่งค่อนข้างได้ผลดี ประชาชนตระหนักและให้ความร่วมมือในการลดการใช้พลังงานในส่วนที่ไม่จำเป็น บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการถ่ายทอดสัญญาณภาพการปิดไฟจากถนน 5 สายหลัก ได้แก่ ถนนข้าวสาร ถนนเยาวราช ถนนรัชดาภิเษก ถนนสีลม และถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ส่งตรงมาที่ลานเซ็นทรัลเวิลด์

โดยนายอภิรักษ์พร้อมด้วยคณะผู้บริหารได้ร่วมกันนับถอยหลังปิดไฟบริเวณดังกล่าว หลังจากครบ 15 นาที แล้วมีการแสดงกราฟปริมาณการใช้ไฟฟ้าหลังปิดไฟ พบว่ามีการใช้ไฟฟ้า 3,710 เมกะวัตต์ เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 24 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ร้อนที่สุดที่ประชาชนใช้ไฟฟ้าสูงสุด พบว่ามีการใช้ไฟฟ้า 4,240 เมกะวัตต์ ซึ่งลดลง 530 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 15% สามารถลดการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ได้ 143 ตัน ขณะที่หากเปรียบเทียบกับช่วงก่อนปิดไฟและหลังปิดไฟในวันเดียวกัน ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจาก 3,740 เมกะวัตต์ เหลือ 3,710 เมกะวัตต์ หรือลดลง 30 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ตาม การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้ประมาณการการใช้ไฟฟ้าในวันเสาร์ ช่วงเวลา 20.00-21.00 น.ในพื้นที่กรุงเทพฯ จากกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า แบ่งเป็น 6 กลุ่ม คือ กลุ่มอาคารบ้านพัก กลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ สถานที่ราชการ และไฟสถานที่สาธารณะ มีสถิติการใช้ไฟฟ้าประมาณ 5 ล้านกิโลวัตต์ ซึ่งวันที่จะมีการจัดกิจกรรม คาดว่าจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณร้อยละ 20-30 คือประมาณ 1 ล้านกิโลวัตต์


ขอขอบคุณข่าวจาก

๑๙/๒/๕๑

เที่ยวงานไม้ดอกที่"อ่างขาง" ชิมสตรอเบอร์รี่หวานพันธุ์ 80



ผัก ผลไม้ ปลอดสารเคมี สตรอเบอร์รี่ฉ่ำหวาน ซาบซ่านชิมชาดี บอนไซดอกไม้หลากสี ธรรมชาติอากาศดี "ที่นี่อ่างขาง" สโลแกนเชิญชวนมาเที่ยวดอยอ่างขาง อันเป็นที่ตั้งสถานีวิจัยเกษตรครบวงจรแห่งแรกของมูลนิธิโครงการหลวงภายใต้ชื่อสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เตรียมพบกับไอหนาวยะเยือกบนดอยอ่างขาง พร้อมตื่นตาตื่นใจกับไม้ดอกเมืองหนาวหลากสีนับร้อยสายพันธุ์ที่กำลังชูช่อบานสะพรั่งต้อนรับผู้มาเยือนในงานไม้ดอกเมืองหนาวโครงการหลวง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-29 กุมภาพันธ์ 2551 นี้

จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรชาวเขาบนดอย และทอดพระเนตรเห็นการปลูกฝิ่น ทำไร่เลื่อนลอย จึงมีพระราชดำริให้ชาวเขาที่อยู่อาศัยตามดอยต่างๆ ในภาคเหนือเลิกการปลูกฝิ่น จึงทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดินและไร่ในบริเวณดอยอ่างขางส่วนหนึ่ง จากนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวงขึ้น เป็นโครงการส่วนพระองค์ในปี 2512 ปัจจุบันสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านคุ้ม หมู่ 5 ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,400 เมตร มีพื้นที่ใช้ในการทำวิจัยประมาณ 1,200 ไร่ โดยมีหมู่บ้านที่สถานีให้การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ รวม 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหลวง บ้านคุ้ม บ้านปางม้า บ้านขอบด้ง และบ้านนอแล มีเกษตรกรชาวเขาที่สถานีเข้าไปส่งเสริมอาชีพ ได้แก่ 4 ชนเผ่าด้วยกันคือ ไทยใหญ่ มูเซอดำ ปะหล่อง และจีนยูนนาน

ภายในโครงการมีแปลงทดลองไม้ผลขนาดเล็ก สวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว และศูนย์สาธิตการใช้ไม้สมพรสหวัฒน์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถานี หนึ่งในนั้นคือแปลงทดลองวิจัยสตรอเบอร์รี่ อยู่ห่างจากที่ทำการสถานีไปทางทิศเหนือประมาณ 300 เมตร ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ภายในจะมีสตรอเบอร์รี่สายพันธุ์ต่างๆ อยู่ประมาณ 6 สายพันธุ์ แต่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือพันธุ์พระราชทาน 80 และสตรอเบอร์รี่ดอย

เป็นพันธุ์ที่ต้านทานโรคและแมลง รสชาติหวานและมีกลิ่นหอม ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยภูเขาปลูกในพื้นที่โครงการหลวง โดยใช้สารชีวภาพและสารสมุนไพรเข้ามาช่วยในการผลิตสตรอเบอร์รี่ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจว่า สายพันธุ์สตรอเบอร์รี่ที่ส่งเสริมในปัจจุบันมีความสดและปลอดภัยจากสารเคมี
โดยสตรอเบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 80 ที่เป็นไฮไลท์ของสถานีและมีสตรอเบอร์รี่ดอยซึ่งเป็นพันธุ์พื้นเมือง ถือว่ามีความโดดเด่นไม่แพ้กัน แม้ว่าจะมีผลขนาดเล็กกว่า รสชาติหวานค่อนไปทางอมเปรี้ยว แต่ก็ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคสูงมาก โดยเฉพาะชาวต่างชาติจะให้ความสนใจสตรอเบอร์รี่พันธุ์นี้มากเป็นพิเศษ สนนราคาจำหน่ายอยู่ที่ 400-450 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่พันธุ์พระราชทาน 80 อยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาทเท่านั้นเอง



ไปเที่ยวงานนอกจากจะได้สัมผัสไอหนาวบนยอดดอย ชมไม้ดอกที่กำลังบานสะพรั่ง ยังได้มีโอกาสลิ้มลองสตรอเบอร์รี่พันธุ์ใหม่ "พันธุ์พระราชทาน 80 และสตรอเบอร์รี่ดอย" โดยฝีมือทีมนักวิจัยจาก ม.เกษตรศาสตร์ อีกด้วย

ขอขอบคุณ

วิจัยพบยุงลายดื้อยา - หวั่นไข้เลือดออกระบาด

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นางสาวละเอียด ประพันธดารา นักวิจัยโครงการ "การดื้อต่อสารเคมีฆ่าแมลงในยุงก้นปล่องและยุงลายพาหะนำเชื้อโรคมาลาเรียและไข้เลือดออก" เปิดเผยว่า จากการวิจัยด้วยการลงพื้นที่ในแถบภาคเหนือเพื่อวิจัยการดื้อยาฆ่าแมลงในยุง โดยการศึกษากลไกการดื้อต่อสารเคมี ดีดีที และกลุ่มไพรีทรอยด์ รวมถึงสารเคมีในกลุ่มเดียวกัน เช่น เพอร์เมธริน เดลต้าเมธริน ซึ่งเป็นสารเคมีกลุ่มที่ใช้มากในประเทศไทย ทั้งแบบพ่นของสาธารณสุขต่างๆ และยาฆ่าแมลงในบ้านเรือน พบว่าขณะนี้ยุงลายส่วนใหญ่ดื้อต่อดีดีที ส่วนสารเคมีอีก 2 กลุ่มเริ่มมีอัตราการดื้อยาสูงขึ้นประมาณร้อยละ 20-30 ถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะยุงสามารถแพร่เชื้อได้ยาวนานขึ้น โดยเฉพาะยุงที่มีเชื้อไข้เลือดออก

นางสาวละเอียดกล่าวต่อว่า การดื้อยาในแมลงเป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากแมลงโดนยาฆ่าแมลงเพียงเล็กน้อยในครั้งแรกจะไม่ตายและสร้างภูมิต้านทานจนกลายเป็นการดื้อยาฆ่าแมลงชนิดนั้น และสามารถถ่ายทอดการดื้อยานี้ให้ลูกหลานที่แพร่พันธุ์ออกไปด้วย ซึ่งการที่คนใช้ยาฆ่าแมลงชนิดแรงขึ้นจะทำให้ยุงและแมลงเกิดการดื้อยามากขึ้นด้วย สาเหตุที่ทำให้เกิดการดื้อยาฆ่าแมลงเพราะการใช้ยาฆ่าแมลงในประเทศไทยไม่มีการควบคุมและใช้ตามใจชอบ โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนตำบล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีการจัดซื้อยาฆ่าแมลงที่จะนำไปฉีดพ่นเอง โดยไม่มีการตรวจสอบมาก่อนว่ายุงจะดื้อยาฆ่าแมลงชนิดดังกล่าวหรือไม่ ทำให้ขณะนี้เมื่อตรวจสอบในหลายพื้นที่จึงพบการดื้อยาฆ่าแมลงแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่ายาฆ่าแมลงในบ้านเรือนเป็นชนิดเดียวกันกับที่พบการดื้อยา จึงควรใช้วิธีการกำจัดลูกน้ำก่อนที่จะเป็นตัวด้วยการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์เพื่อลดการใช้ยาฆ่าแมลง

ขอขอบคุณ



ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวงจรชีวิตของยุงลาย ++คลิ๊ก++

๑๑/๒/๕๑

ขอเชิญดูหนังฟรี!!!

มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวขอเชิญเข้าร่วมงานเสวนา
“ดูหนัง ดูละคร ย้อนดูครอบครัว ”

วันเสาร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 09.00 – 17.00 น.
สถานที่ หอประชุมชั้น 4 ศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร ตลิ่งชัน กทม.

---- เวลา --------------------- รายละเอียด
------------------------------

09.00 - 09.30 น. ลงทะเบียน/รับเอกสาร
09.30 - 12.00 น. ชมภาพยนตร์อิหร่าน “Children of heaven”
12.00 - 13.00 น. รับประทานอาหารเที่ยง
13.00 - 14.30 น. เสวนา “ดูหนัง ดูละคร ย้อนดูครอบครัว”

  • คุณรัศมี มณีนิล (นักเขียน,DJ 92.0 FM) - ผู้ดำเนินรายการ
  • แพทย์หญิง ปริชวัน จันทรศิริ - จิตแพทย์เด็กโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
  • คุณ นันทขวาง ศิรสุนทร นักวิจารณ์ภาพยนตร์
  • คุณ ทนงศักดิ์ ศุภการ ดารานักแสดง
  • แลกเปลี่ยน ซักถาม

14.30 - 16.30 น. ชมภาพยนตร์ “Mrs.Doubtfire”

สอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่งได้ที่รายการครอบครัวคุยกัน โทร.0-2354-5712-3

มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว (คุณพัชรี) โทร 0-2954-2346-7

ข้อมูลภาพยนต์

๘/๒/๕๑

สภากาชาดไทย ส่งเสริมเด็ก จัด “ค่ายเยาวชนราชการุณย์”



สภากาชาดไทย จัดโครงการ “ค่ายเยาวชนราชการุณย์” ครั้งที่ 10
ตั้งแต่วันที่ 23 – 27 มีนาคม 2551 รวม 5 วัน 4 คืน ณ ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน จังหวัดตราด เพื่อส่งเสริมและพัฒนาบุคลิกภาพในด้านมารยาท อิริยาบถ และการพูด ฝึกให้เด็กมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี มีความเชื่อมั่นและกล้าแสดงออก ฝึกการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ และการให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมทั้งส่งเสริมให้รู้จักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสภาวะโลกร้อน ตลอดจนสัมผัสเรียนรู้ธรรมชาติด้วยตนเอง โดยเปิดรับสมัครเด็กและเยาวชนที่มีอายุ ระหว่าง 7 – 13 ปี จำนวน 96 คน เด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้มารยาท ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย งานศิลปะ การปฐมพยาบาล การปีนเขา การเล่นน้ำทะเล การทัศนศึกษานอกค่ายหาดทรายดำ และการปลูกต้นไม้ ป่าชายเลน

ผู้ปกครองท่านใดสนใจส่งบุตรหลานเข้าร่วมโครงการ “ค่ายเยาวชนราชการุณย์” สมัครได้ที่ ฝ่ายบริหารงานทั่วไปสำนักงานกลาง ตึกนิลุบล – กุลแพทย์ ภายในบริเวณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พร้อมค่าธรรมเนียม คนละ 3,900 บาท สามารถชำระเป็นเงินสด หรือโอนเข้าบัญชี สภากาชาดไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตราด บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 625-2-06439-3

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักงานกลางสภากาชาดไทย
โทร.(02)256 – 4019 –22 โทรสาร. (02) 252 – 7789, 255 – 3727 หรือที่ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน จังหวัดตราด โทร. (039) 521 – 838, 089 – 769 – 2475 และ 081 – 926- 2803
โทรสาร. (039) 521 – 621

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 10 มีนาคม 2551 (ถ้ามีผู้สมัครครบจำนวนก่อนถึงกำหนดจะปิดรับสมัครทันที)


ข่าวรณรงค์

ช่วยกันลดมลพิษคนละนิด ลดการใช้โฟมและถุงพลาสติก ปิดเครื่องไฟฟ้าหลังใช้งานทุกครั้ง

ความคิดเห็นล่าสุด