ฟังรายการสถานีวิทยุศึกษา FM 92 MHz.



ครอบครัวข่าวสาร





มาร่วมคุยกันดีกว่า

๑๗/๘/๕๑

เกมมหาภัย จีทีเอ4 โผล่! จี้บล็อกเว็บ ห้ามโหลด


หลังจากเกิดคดีสะเทือนขวัญ นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมชื่อดัง ก่อเหตุฆ่าโหดนายควร โพธิ์แข็ง อายุ 50 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ เสียชีวิตคารถภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 77 แยก 1 แขวงและเขตบางพลัด กทม. เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมทันควัน โดยฆาตกรหนุ่มรับสารภาพเลียนแบบเกมจีทีเอ (Grand Theft Auto) เกมโจรที่ไล่ฆ่ากันเพื่อทำแต้มในคอมพิวเตอร์ ออนไลน์ ซึ่งเมื่อตรวจสอบย้อนหลังพบว่า เกมออนไลน์ดังกล่าวทางการสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นทะเบียนให้เป็น 1 ใน 10 เกมอันตราย ที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรหลีกเลี่ยงการซื้อให้ลูกเล่นแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า บริษัทเทค-ทู อินเตอร์แอ็กทีฟ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเกมจีทีเอ ร่วมกับสตูดิโอร็อกสตาร์เตรียมวางจำหน่ายภาคต่อลำดับ 4 ของเกมอื้อฉาวดังกล่าวที่ญี่ปุ่นปลายเดือนตุลาคม หลังวางจำหน่ายในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือตั้งแต่เดือนเมษายน และทำรายได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์ โดยสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคที่อังกฤษห้ามจำหน่ายเกมจีทีเอ ภาค 4 แก่เด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งห้ามจำหน่ายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 17 ปี เพราะเนื้อหาของเกมมีความรุนแรงและยั่วยุ

สำหรับมาตรการสกัดเกมนรกของไทยนั้น ในวันเดียวกัน นายปรีชา กันธิยะ เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในฐานะนายทะเบียนกลาง และนายทะเบียนประจำจังหวัด ในการออกใบอนุญาตประกอบกิจการร้านเกมอินเตอร์เน็ต กล่าวว่า ในส่วนประเทศไทยนั้น ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เด็กนักเรียนก่ออาชญากรรมความรุนแรงใช้มีดแทงคนขับแท็กซี่จนเสียชีวิต โดยได้เลียนแบบพฤติกรรมจากเกมจีทีเอนั้น ผู้นำเข้าเกมจีทีเอในประเทศไทยได้สั่งเก็บเกมดังกล่าวในทุกเวอร์ชั่นหมดแล้ว รวมทั้งสั่งห้ามนำเข้าและจำหน่ายเวอร์ชั่นที่ 4 ด้วย ซึ่งทราบว่าขณะนี้ในต่างประเทศยังมีการวางจำหน่ายเกมจีทีเออยู่ แต่ประเทศเหล่านั้นได้มีการจัดเรตติ้ง หรือระดับความเหมาะสมของเกมกับผู้เล่นในแต่ละวัย แต่สำหรับประเทศ ไทยนั้น ขอยืนยันว่าเกมดังกล่าวจะไม่มีเข้ามาในประเทศอย่างแน่นอน เพราะเป็นเกมที่ผิดกฎหมาย ยกเว้นแต่การลักลอบนำเข้าเท่านั้น

นายปรีชากล่าวอีกว่า ดังนั้นหากพบว่าร้านเกมใดที่ยังมีการเปิดให้เล่นเกมจีทีเอ และมีการดาวน์โหลดมาให้เด็กและเยาวชนเล่น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ตนจะมอบหมายให้สำนักภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ประสานไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทำการบล็อกเว็บไซต์ ที่เปิดให้มีการดาวน์โหลดเกมจีทีเอเวอร์ชั่น 4 จากต่างประเทศ รวมทั้งเกมอื่นๆ ที่มีความรุนแรงด้วย

ทั้งนี้ ขอแจ้งไปยังผู้ประกอบกิจการร้านเกมอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศว่า ภายใน 30 วัน หลังจากนี้ให้มีการส่งเกมที่บรรจุอยู่ในฮาร์ดดิสก์ทั้งเกมเก่าและเกมใหม่ โดยให้นำมาส่งตรวจสอบใหม่ทั้งหมดที่นายทะเบียนประจำจังหวัดทั่วประเทศ จากนั้นนายทะเบียนประจำจังหวัดจะส่งคู่มือเพื่อแจ้งให้ทราบรายชื่อของเกมที่มีความรุนแรงและผิดกฎหมายกับผู้ประกอบการร้านเกม เพื่อเป็นการกำหนดให้ร้านเกมดูแลและเข้มงวดในการไม่เผยแพร่เกมที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน จะเป็นวันดีเดย์ เริ่มต้นปราบปรามกวาดล้างเกมเถื่อนอย่างจริงจัง หากพบว่าร้านใดยังมีการเผยแพร่เกมที่มีความรุนแรง และขัดต่อกฎหมาย จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท

ศึกษาและเรียนรู้การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างถูกวิธีได้ที่

ขอขอบคุณข่าวจาก

๑๓/๘/๕๑

พลังจากสัตว์เลี้ยง


สัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนปลอบใจยามเหงาและยามเศร้า มีเวลาให้เราเสมอ ดังนั้น สัตว์เลี้ยงไม่ว่าน้องหมาหรือน้องแมวจึงเปรียบเสมือนยาประจำตัวที่จะขาดเสียไม่ได้...ไปดูกันเลยว่ามีข้อดีอะไรบ้าง


1. สามารถช่วยปลอบโยนจิตใจ สำหรับสัตว์เลี้ยงแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นคนอ้วนหรือคนผอม สวยหรือไม่สวย จนหรือรวย มันก็ซื่อสัตย์ต่อคุณเสมอ ความรู้สึกนี้จึงส่งผลต่อความรู้สึกของคน ดังนั้น คนที่มีสัตว์เลี้ยงจึงไม่ค่อยเป็นโรคซึมเศร้าเพราะจิตใจได้รับการปลอบโยนอยู่เสมอ และจากการศึกษาของนักจิตวิทยาและผู้ดูแลคนชราพบว่า สัตว์เลี้ยงช่วยให้คนหัวเราะ ยิ้ม และ สุขภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

2. ป้องกันโรคภูมิแพ้ เด็กชนบทมักไม่ค่อยเป็นโรคภูมิแพ้จากฟางหรือละอองเกสรดอกไม้ และโรคหืด ในขณะที่เด็กในเมืองที่มีน้องหมาก็ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ ยกเว้นเด็กเล็กๆ ที่เล่นกับแมวก็มีความเสี่ยงสูงกับโรคภูมิแพ้ได้

3. ดีสำหรับหัวใจ การออกไปเดินเล่นกับน้องหมาทุกวันช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง ไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับเลือดลม กล้ามเนื้อและข้อต่อ แถมยังช่วยให้ร่างกายฟิต กระฉับกระเฉง ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ต้องไปพบแพทย์บ่อย ไม่มีความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลต่ำ ในขณะผู้ที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงมักป่วยไปพบแพทย์มีจำนวนมากกว่า 18%


4. ช่วยให้รู้สึกสุขสงบ สัตว์เลี้ยงมีความสงบสุขตามวิถีชีวิตของมัน หากใครได้ลูบไล้น้องเหมียวก็เปรียบเสมือนกับการไล่ความเครียดออกจากจิตใจ ความดันโลหิตลดลง หัวใจเต้นช้าลง ประสาทมีความสงบนานขึ้น และป้องกันไม่ให้ความดันโลหิตพุ่งสูงเร็ว นอกจากนี้ ปลาสีสวยๆ ในอ่างเลี้ยงปลาก็มีอิทธิพลต่อจิตใจของเรา ตามคลินิกทันตแพทย์บางแห่งในยุโรปจึงนิยมเลี้ยงปลาไว้ปลอบใจคนไข้


5. เป็นเพื่อนยามรู้สึกกลัว ไม่ใช่แค่เด็กๆ เท่านั้นที่หายกลัวเมื่อมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น น้องหมาในห้องเรียนก็ช่วยลดความกลัวได้ นอกจากนี้ การรักษาด้วยการขี่ม้าก็ช่วยให้เกิดความเชื่อมั่น เพราะทำให้คนรับรู้ความเข้มแข็งของตนเอง และฝึกฝนความสามารถทางสังคม ดังนั้น สัตว์เลี้ยงจึงช่วยพัฒนาเด็กๆ นั่นคือเด็กๆ ได้เรียนรู้ความรับผิดชอบและมีประสบการณ์กับการเล่นกับสัตว์เลี้ยง

6. ช่วยให้พบเพื่อนใหม่ๆ ไม่มีอะไรที่จะเป็นตัวช่วยเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้คนได้เท่ากับน้องหมาน้องแมว ลองเป็นเจ้าของน้องหมาน้องแมวดูสิคะ รับรองว่าคุณจะได้ทำความรู้จักกับคนอื่นๆ และมีเพื่อนมากขึ้น


ขอขอบคุณสาระดีดีจาก

คำถามที่ไม่ควรถามแฟน

วันนี้มีคำถาม 4 ข้อ ที่ไม่ควรถามแฟน เพราะอาจจะทำให้ไม่ได้คำตอบ แถมยังรู้สึกไม่ดี เมื่อถามออกไปอีกต่างหาก

1. คุณคิดว่าผู้หญิงคนนั้นสวยไหม คะ? : ถ้าแฟนหนุ่มตอบว่า "สวย" คุณก็จะมัวแต่วิตกจริตกับความสวยของคุณ ว่าผู้หญิงคนนั้นกับคุณ ใครจะสวยกว่ากัน แต่ถ้าแฟนคุณบอกว่า "ไม่สวย" คุณก็จะต้องบอกว่าเขาโกหกแน่ๆ เพราะฉะนั้น อย่าถามดีกว่า

2. ฉันอ้วนไปรึเปล่า? : กระจกน่าจะเป็นคนตอบคำถามนี้ ได้ดีกว่าแฟนนะ ถ้าเกิดความสงสัยว่ากำลังจะอ้วนไปแล้ว นี่ก็คือคำตอบที่มีอยู่ในใจแล้ว ว่าไม่พอใจในรูปร่าง เพียงแต่ว่าต้องการความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้นเอง

3. แฟนเก่าคุณเป็นคู่รักที่ดีกว่าฉันรึเปล่า? : ถ้าดีกว่าแล้วจะเป็นอย่างไร แล้วถ้าคุณดีกว่าคุณจะดีใจไปทำไม เพราะยังไงเขาก็อยู่กับคุณอยู่แล้วในวันนี้ อดีตของเขาอาจจะเป็นความทรงจำส่วนตัวของเขา อย่าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเขามากนัก

4. คุณว่าเราจะคบกันไปได้ถึงไหน? : ถ้าคุณมัวแต่มาถาม คำถามเหล่านี้ คุณอาจกำลังทำลายความรู้สึกที่ดีของกันและกันก็ได้



ขอขอบคุณ

๔/๘/๕๑

แฉ! หญิงไทยสูบบุหรี่อื้อ หัดสูบตั้งแต่วัย12


แฉ! สาวอมควัน หัดสูบตั้งแต่วัย12 ... สาวไทยเพิ่มจำนวนเป็นสิงห์อมควัน เหตุค่านิยมผิดๆ ดูเท่ในสังคม พบหัดสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุไม่ถึง 12 ขวบ เผยบริษัทบุหรี่ทุ่มงบมอมเมา ทำมวนเล็กเรียว รสผลไม้

ดร.วิลาสินี ชี้ที่ผ่านมาเน้นรณรงค์แต่เพศเดียว เตรียมระดมสมองในงานประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดแถลงเรื่องพิษภัยของบุหรี่ โดย รศ.ธราดล เก่งการพานิช ภาควิชาสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการศึกษาสถานการณ์การสูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิงในประเทศไทย โดยการสำรวจกลุ่มตัวอย่างในนักเรียนหญิงในระดับมัธยมต้น-ปลาย และอุดมศึกษา จำนวน 3,093 คนทั่วประเทศ พบว่า วัยรุ่นหัดสูบบุหรี่ครั้งแรกอายุต่ำกว่า 12 ปี ร้อยละ 10.2 สูบระหว่าง 12-13 ปี ร้อยละ 21.2 ในจำนวนนี้ต้องสูบทุกวันหรือเกือบทุกวัน ร้อยละ 42.1 เกือบทุกวัน โดยสูบมากกว่า 5 ม้วนต่อวัน ร้อยละ 33.4 ขณะที่ผู้ชายสูบในช่วงอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ถึงร้อยละ 10 และจำนวนการสูบใกล้เคียงกันคือผู้ชายสูบมากกว่า 5 มวนต่อวัน อยู่ที่ร้อยละ 40

"ที่น่าตกใจคือมีวัยรุ่นจำนวนมากที่ยอมรับว่าเคยสูบบุหรี่ต่อหน้าพ่อแม่ หรือพ่อแม่สูบบุหรี่ด้วย มากถึงร้อยละ 18.8 และสูบพร้อมกับเพื่อนร้อยละ 89.3 วัยรุ่นส่วนใหญ่จะซื้อบุหรี่มาสูบเอง ร้อยละ 53.8 โดยซื้อบุหรี่จากร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อมากที่สุด คือร้อยละ 68.1 ขณะที่วัยรุ่นหญิงร้อยละ 70.5 เห็นว่าบุหรี่ที่สูบได้มาง่ายมาก" รศ.ธราดลกล่าว และว่า กลุ่มวัยรุ่นหญิงที่สูบบุหรี่อ้างเหตุผลที่สูบเพื่อลดความเครียดและผ่อนคลายร้อยละ 48.2, ตามเพื่อนร้อยละ 32 ขณะที่ในกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 39.6 มีแผนจะเลิกบุหรี่ในอนาคต

ปัจจัยที่ทำให้วัยรุ่นหญิงหันมาสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้นคือ มีเพื่อนสนิทสูบบุหรี่ 1-5 คน มีทัศนคติเชิงบวกต่อการสูบบุหรี่โดยเชื่อว่าการสูบบุหรี่เป็นสัญลักษณ์ของคนสมัยใหม่ และสูบบุหรี่เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อนด้วยกัน

นายสถาพร จิรัตนานนท์ มูลนิธิณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า การสูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิงกำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญที่ขยายตัวไปทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา กลุ่มนักสูบหน้าใหม่ที่เป็นผู้หญิงจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโตของประชากรที่จะมีสัดส่วนผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น มีการคาดการณ์ว่าในอีก 16 ปีข้างหน้า คือในปี พ.ศ.2568 จำนวนผู้หญิงในประเทศกำลังพัฒนาจะเพิ่มจาก 2.1 พันล้านคนในปัจจุบัน เป็น 3.5 พันล้านคน และในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงที่สูบบุหรี่มากถึงร้อยละ 20 หรือประมาณ 700 ล้านคน ขณะที่สถิติการสูบบุหรี่ของผู้หญิงทั่วโลกเมื่อปี 2544 มีเพียงร้อยละ 3 ของประชากรทั่วโลก หรือประมาณ 200 ล้านคนเท่านั้น

"ผู้หญิงในแถบเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกา น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายในการทำการตลาดของบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ พบว่าบริษัทบุหรี่ทุ่มงบประมาณมหาศาลศึกษาความต้องการของผู้หญิงเพื่อผลิตบุหรี่ที่มีรูปลักษณ์ รสชาติ ตรงตามความต้องการของผู้หญิงให้มากที่สุด เช่น ม้วนบุหรี่เล็ก เรียวยาว แสดงถึงหุ่นของผู้หญิงที่มีรูปร่างผอม เพรียว หรือรสชาติอ่อนละมุน กลิ่นผลไม้ ดอกไม้ เป็นต้น" นายสถาพรกล่าว

ผศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในกลุ่มผู้หญิงยังไม่เข้มแข็งมากนัก เพราะพุ่งเป้าการรณรงค์ไปที่กลุ่มนักสูบผู้ชายมากกว่า จึงทำให้ปัจจุบันมีนักสูบหน้าใหม่เป็นผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น มาตรการป้องกันควรเน้นการสื่อสารข้อเท็จจริง ชี้โทษภัยของบุหรี่ โดยเฉพาะการรณรงค์ในกลุ่มเครือข่ายครอบครัวและกลุ่มเพื่อนให้รู้เท่าทันภัยของบุหรี่

วันที่ 4-5 สิงหาคมนี้ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) จะจัดงานประชุมวิชาการ "บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ" ครั้งที่ 7 ที่โรงแรมมิราเคิล สนับสนุนโดย สสส.ในหัวข้อ "เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจต้านภัยบุหรี่" โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประชุม ซึ่งจะมีการเป็นการระดมความคิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานทางวิชาการ งานวิจัยใหม่ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและทางออกร่วมกัน

ขอขอบคุณข่าวจาก

ข่าวรณรงค์

ช่วยกันลดมลพิษคนละนิด ลดการใช้โฟมและถุงพลาสติก ปิดเครื่องไฟฟ้าหลังใช้งานทุกครั้ง

ความคิดเห็นล่าสุด