ฟังรายการสถานีวิทยุศึกษา FM 92 MHz.



ครอบครัวข่าวสาร





มาร่วมคุยกันดีกว่า

๑๕/๑/๕๑

ผลสำรวจพบเด็กไทยมีความสามารถแข่งขันด้านการศึกษารั้งท้ายนานาประเทศ

นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า
จากผลการวัดความสามารถการแข่งขันของประเทศต่างๆ ด้านการศึกษาประจำปี 2550 ของสถาบันนานาชาติเพื่อการพัฒนาการจัดการ (ไอเอ็มดี) พบว่า คนไทยมีสมรรถนะอยู่ในลำดับที่ 46 ทั้งนี้ จากการสำรวจทั้งหมด 55 ประเทศทั่วโลก โดยมีผลประเมินแยกตามโครงสร้างพื้นฐานด้านการศึกษา 10 รายการ คือ

  • อัตราส่วนนักเรียนต่อครูประถมได้อันดับ 43 โดยมีครู 1 คนต่อนักเรียน 20.68 คน
  • อัตราส่วนนักเรียนต่อครูมัธยมได้อันดับที่ 48 มีครู 1 คนต่อนักเรียน 21 คน
  • อัตราเข้าเรียนระดับมัธยมอันดับที่ 46 มีเยาวชนอายุ 12-17 ปีได้เข้าเรียนมัธยม 72% จากประชากรวัยเดียวกัน
  • อัตราการไม่รู้หนังสือของผู้ใหญ่อายุ 15 ปีขึ้นไป อันดับ 43 ในอัตรา 7.4%
  • การลงทุนทางการศึกษาของภาครัฐอันดับ 42 มีการลงทุนในอัตรา 4.1% ของจีดีพี
  • ผลสัมฤทธิ์อุดมศึกษา อันดับที่ 39 มีอัตราผู้สำเร็จระดับอุดมศึกษา 18%
  • ด้านการถ่ายโอนความรู้ระหว่างภาคธุรกิจกับมหาวิทยาลัย มีการจัดการศึกษาตอบสนองภาคธุรกิจ ตลาดแรงงานอันดับที่ 42
  • การตอบสนองความสามารถใน การแข่งขันของระบบการศึกษาอันดับที่ 38
  • การตอบสนองความสามารถในการแข่งขันของการอุดมศึกษาต่อภาคเศรษฐกิจและการแข่งขัน อันดับที่ 39
  • ทักษะด้านภาษาที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการ อันดับที่ 48

นอกจากนี้ จากการประเมินเพื่อวัดคุณภาพการศึกษาในประเทศเป้าหมาย 41 ประเทศ ด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ในปี 2550 ขอโครงการสำรวจความรู้และทักษะการเรียนของเด็กอายุ 15 ปี (PISA) ในประเทศสมาชิกขององค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) พบว่า เวลาเรียน 2 วิชานี้ของนักเรียนไทยน้อยกว่าประเทศอื่น รวมทั้งขาดแคลนครูที่มีความสามารถ อีกทั้งนักเรียนไทยอายุ 15 ปี เขียนสะกดและใช้คำผิดมากที่สุด ไม่สามารถแยกแยะระหว่างภาษาพูดกับภาษาเขียน เรียงประโยค ไม่เป็น เรียบเรียงความคิดลงเป็นการเขียนไม่ได้

นางจรวยพร กล่าวว่า ปัญหาการศึกษาไทยมีสาเหตุจากการคิดและอ่านของเยาวชน 4 ประการ คือ

  1. เยาวชนคิดผิด คือ คิดแบบเอาเปรียบ คิดเรียนลัด คิดเก็งกำไร
  2. คิดไม่เป็น คือ ตามผู้อื่น เลียนแบบ เชื่อเพราะผู้พูดเป็นผู้ใหญ่หรือ ผู้อาวุโส
  3. ไม่คิด คือ ติดนิสัยพึ่งพา ผู้อื่น เชื่อตัวบุคคล เชื่อนักวิชาการ เชื่อหนังสือพิมพ์ โดยไม่ไตร่ตรอง
  4. คิดแล้วไม่ทำ คือ ประชุมเสร็จก็เลิกรา ปล่อยให้คนที่รับผิดชอบไปทำคนเดียว ไม่ช่วยระดมในรูปกลุ่ม ดังนั้นต้องร่วมกันแก้ปัญหาเหล่านี้

ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์

ไม่มีความคิดเห็น:

ข่าวรณรงค์

ช่วยกันลดมลพิษคนละนิด ลดการใช้โฟมและถุงพลาสติก ปิดเครื่องไฟฟ้าหลังใช้งานทุกครั้ง

ความคิดเห็นล่าสุด