สธ.ชี้ตระกูลอ้วน เหตุกินแต่แป้ง ขาดสารอาหาร

จาก กรณีฮือฮาพบครอบครัวอ้วน อาศัยอยู่ในชุมชนหลังวัดราษฎร์สามัคคี หรือวัด ก.ม.10 หมู่ 1 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีนายรอด จันทร์นาจ อายุ 74 ปี เป็นหัวหน้าครอบครัว และมีนางบุ จันทร์นาจ อายุ 72 ปี ภรรยา พร้อมบุตรชายรูปร่างใหญ่โต 6 คน ผู้หญิงรูปร่างไม่แพ้กันอีก 3 คน รวม 9 คน ล้วนอ้วนท้วนสมบูรณ์ ประกอบด้วย นายญวน อายุ 49 ปี น้ำหนัก 90 กิโลกรัม นายเสมอ อายุ 46 ปี น้ำหนัก 130 กิโลกรัม นายณรงค์ อายุ 40 ปี น้ำหนัก 70 กิโลกรัม นางน้ำทิพย์ อายุ 36 ปี น้ำหนัก 103 กิโลกรัม นายสมชาย อายุ 33 ปี น้ำหนัก 200 กิโลกรัม นายนิตย์ อายุ 33 ปี (คู่แฝดกับนายสมชาย) น้ำหนัก 98 กิโลกรัม นายทัด อายุ 29 ปี น้ำหนัก 120 กิโลกรัม นางรัชนา อายุ 27 ปี น้ำหนัก 110 กิโลกรัม และนางบังอร อายุ 26 ปี น้ำหนัก 80 กิโลกรัม รวมน้ำหนักทั้งครอบครัว 1,096 กิโลกรัม โดยทุกวันนี้ประกอบอาชีพร้อยพวงมาลัยขาย กินผักบุ้งจิ้มน้ำพริกเป็นอาหารหลัก ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 23 กันยายน นายณรงค์ ธีรจันทรางกูร นายอำเภอสัตหีบ กล่าวว่า "แต่เดิมครอบครัวนี้ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ชัยนาท แล้วย้ายถิ่นฐานไปอยู่ จ.ตราด และย้ายมาอาศัยอยู่ที่ อ.สัตหีบ จนมีบุตรจำนวนมาก ใช้ชีวิตแบบหาเช้ากินค่ำ โดยครอบครัวนี้ยังยืนยันว่ากินผักบุ้ง น้ำพริกธรรมดา และปลาร้าเป็นประจำ ส่วนที่อ้วน สาเหตุอาจจะเกิดจากเขาชอบนำกากหมูมาผัดกับผักบุ้ง ทำให้ไขมันสะสมมากในร่างกาย ขณะนี้ครอบครัวคนอ้วนกลายเป็นที่รู้จัก และเป็นสีสันของชาวพลูตาหลวง ตั้งแต่เช้ามีแต่คนขับรถแวะเวียนไปเยี่ยมอย่างไม่ขาดสาย"

ขณะที่ ศ.น.พ.สุรัตน์ โคมิน อาจารย์ประจำหน่วยโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยถึงสาเหตุของความอ้วนว่า เกิดมาจากสาเหตุอาหารที่กิน ซึ่งให้แคลอรีไขมันสูง ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นอาหารราคาแพงเท่านั้น แต่อาหารหลักที่รับประทานเข้าไปในปริมาณมาก หากไม่สมดุลกันก็สามารถทำให้อ้วนได้ เช่น รับประทานแต่แป้ง น้ำตาล ไขมัน กินข้าวจำนวนมาก ขนมปังจำนวนมาก ก็สามารถอ้วนได้ ซึ่งคนเราต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนกรณีครอบครัวดังกล่าวถือเป็นกรณีน่าศึกษา เพราะเป็นคนอ้วนบวกขาดสารอาหาร คือ รับประทานอาหารเพียงชนิดเดียว โดยกินแป้งและโซเดียมเป็นหลัก ทำให้ขาดโปรตีน วิตามิน เพราะไม่มีเนื้อสัตว์ชนิดอื่นเลย

ขอขอบคุณข่าวจาก